คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 4-0 เอฟเวอร์ตัน Liverpool 4-0 Everton
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอังคารที่ 28 มกราคม 2557
ลิเวอร์พูล 4-0 เอฟเวอร์ตัน
สนาม : แอนฟิลด์
ประตู : 1-0 สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด น.21, 2-0 แดเนี่ล สเตอร์ริดจ์ น. 33, 3-0 แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น.35, 4-0 หลุยส์ ซัวเรซ น. 49
1-0 Gerrard 21′ // 2-0 Sturridge 33′ // 3-0 Sturridge 35′ // 4-0 Suarez 50′
## ไฮไลท์ฟุตบอล ## สามารถดูได้บน Smart Phone:
espn hd
Liverpool v. Everton
บรรยายการแข่งขันโดย soccersuck
ครึ่งแรก
หงส์ครองเกมเฮนโด้, กัดยิงติดฮาวเวิร์ด
แม้เอฟเวอร์ตันจะได้ยิงก่อนจากบาร์คลี่ย์แต่”หงส์แดง”กลับมาครองเกมได้และได้ยิงถึง 2 ทีจากเฮนเดอร์สันและซัวเรซแต่บอลก็ไม่ผ่านมือของฮาวเวิร์ดที่ยังเหนียวคว้าเอาไว้ได้ตลอด
หริดส่องไกลไม่ผ่านอยู่ดี
เกมผ่าน 10 นาทีแรกมาแล้วเกมเป็นของเจ้าถิ่นเกือบหมดและเป็นสเตอร์ริดจ์ที่จัดการส่องด้วยเท้าซ้ายข้างถนัดนอกกรอบเขตโทษก่อนที่บอลจะพุ่งเข้าไปหาซองของฮาวเวิร์ดรับได้ไม่มีปัญหา
ซัวเรซสับนอกกรอบบอลข้ามคาน
นาทีที่ 15 ลิเวอร์พูลตัดบอลได้ตรงกลางสนามบอลมาเข้าเทาของสเตอร์ริดจ์พยายามฝืนเลี้ยงไปติดกองหลังแต่ซัวเรซที่อยู่ใกล้ๆยังช่วยเก็บตกมาได้ก่อนตัดสินใจยิงไกลระยะ 20 หลาทันทีบอลพุ่งตกพื้นก่อนเข้าซองของฮาวเวิร์ดสบายๆ
ราฮีมหลุดแล้วยิงติดขาฮาวเวิร์ด
ถัดมาไม่กี่นาที”หงส์แดง”ได้โอกาสทองเลยเมื่อพวกเขาเล่นเร็วจากตรงกลางสนามบอลมาถึงสเตอร์ริดจ์ที่จับบอลก่อนจ่ายเข้ากรอบเขตโทษให้ราฮีมวิ่งเบียดหนีอัลคาราซกับจาเกียลก้าไปได้แล้วพยายามจิ้มบอลแต่ไปโดนขาของฮาวเวิร์ดที่ออกมาบีบก่อนบอลมาโดนปีกร่างเล็กออกหลังไป
ป๋าขอ!กัดเตะมุมขิงโขกหาย
ยังคงเป็นลิเวอร์พูลที่บุกได้ดีกว่าและมาได้ลูกเตะมุมด้านซ้ายซึ่ง”หม่อมกัด”รับอาสาเปิดไปตรงเสาแรกให้เจอร์ราร์ดวิ่งสลัดแบร์รี่ตัวประกบก่อนโขกเต็มๆสโตนส์ที่คุมเสาแรกอยู่พยายามโหม่งเคลียร์แล้วแต่ไม่ไหวทำให้เจ้าถิ่นได้เฮก่อนและในจังหวะนี้ลูกากูได้รับบาดเจ็บจนต้องโดนหามไปปฐมพยาบาลหลังประตูก่อนจะเปลี่ยนเอาสตีเฟ่น เนสมิธลงมาแทน
หริดยิงอีกยังไม่ตรงกรอบ
“หงส์แดง”ยังตั้งหน้าตั้งตายิงต่อไปโดยเป็นจังหวะที่ซัวเรซได้บอลลากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนจะล็อคกลับมาแล้วไหลคืนให้สเตอร์ริดจ์จับบอลก่อนหนึ่งจังหวะแล้วส่องด้วยเท้าขวาไปทางเสาไกลแต่บอลเหินข้ามคานไปนิดเดียวเท่านั้น
หงส์มีเสียวเจ๊เกียวซัดติดมิโญเล่ต์
นาทีที่ 30 เอฟเวอร์ตันมีโอกาสงามจริงๆเมื่อมิรัลลาสลากบอลขวางเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนบอลทะลักไปให้จาเกียลก้าล้มตัวยิงไปติดเซฟของมิโญเล่ต์ก่อนที่แบร์รี่วิ่งไปเก็บตกแล้วพยายามยิงยัดเข้ามาอีกครั้งแต่บอลก็หลุดเสาสองไป
มิรัลลาสส่องถากเสา
“ท๊อฟฟี่”ดูเหมือนจะจูนเครื่องติดแล้วโดยพวกเขาได้บุกขึ้นมาอีกครั้งเป็นมิรัลลาสคนเดิมที่ลากบอลหนีเจอร์ราร์ดมาถึงหน้าปากเขตโทษก่อนพยายามยิงด้วยขวาย้อนไปทางเสาซ้ายมือแต่บอลออกข้างไปนิดเดียวเท่านั้น
คูตี้แทงหริดจบอย่างสวย
เมื่อทำไม่ได้ก็ต้องโดนเป็นสูตรสำเร็จ”หงส์แดง”ขึ้นเกมมาทางราฮีมบอลเลยมาถึงคูตินโญ่ที่แทงทะลุช่องอย่างงามให้”หริด”ที่เติมขึ้นมาด้านซ้ายลากเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนกระดกบอลหนีมือของฮาวเวิร์ดเข้าไปไม่มีพลาดเป็นประตูที่ 12 ของเขาในพรีเมียร์ลีก
กูเบิ้ล!หริดสอยอีกกระดกข้ามหัวฮาวเวิร์ด
เรียกว่าไหลเป็นน้ำแล้วโดยในอีก 2 นาทีถัดมาเจ้าถิ่นมาได้เฮสนั่นอีกครั้งเมื่อตูเร่โยนบอลยาวมาจากแดนหลังเลยเป็นสเตอร์ริดจ์วิ่งหลุดกับดักล้ำหน้าก่อนกระดกข้ามหัวฮาวเวิร์ดที่ต้องออกมาเป็นกองหลังตัวสุดท้ายบอลลอยโด่งก่อนไปเข้าที่เสาขวามืออย่างสวยงาม
หงส์ผ่อนเกมท๊อฟฟี่เริ่มรุกหนัก
ช่วงท้ายครึ่งแรกเกมกลับมาครองบอลสูสีกันอีกโดย”หงส์แดง”ถอยลงมาเล่นแน่นอนทำให้เอฟเวอร์ตันมีจังหวะบุกขึ้นมาบ้างแต่ก็ยังไม่มีโอกาสเหมาะเจาะเท่าไรส่วนเจ้าถิ่นจะรอโต้กลับแต่ก็ไม่ได้สับไกเหมือนกัน
ครึ่งหลัง
ท๊อฟฟี่ดาหน้าบุกมิโญเล่ต์ต้องเซฟ
เริ่มครึ่งหลังมา 4 นาทีเอฟเวอร์ตันตั้งหน้าตั้งตาบุกแหลกเลยและเป็นออสแมนที่เกี่ยวบอลได้จากกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วพยายามยิงไปทางเสาไกลยังดีที่มิโญเล่ต์ไวพอปัดบอลพ้นอันตรายออกมาได้
ต้องให้!หม่อมกัดลาก 50 หลาซัลโวฮาวเวิร์ด
แล้วก็เป็นตามสูตรเดิมที่บุกแล้วยิงไม่ได้ก็ต้องเสียโดยซัวเรซได้บอลหลุดมาจากแดนของตัวเองก่อนเลี้ยงหนีจาเกียลก้าเข้าไปล่อเป้ายิงสวนตัวของฮาวเวิร์ดเข้าไปแบบต้องยกนิ้วให้เป็นประตูที่ 23 ของเขาในพรีเมียร์ลีกพร้อมกับความสะใจของกองเชียร์เจ้าบ้าน
อดแฮตทริก!หริดซัดโทษข้ามคานไกล
สถานการณ์ของเอฟเวอร์ตันเลวร้ายลงไปอีกโดยเป็นลิเวอร์พูลที่ได้บอลโต้กลับเร็วสเคอร์เทลลากมาเองก่อนฝากบอลให้ซัวเรซป้ายต่อไปให้คูตินโญ่แทงทะลุช่องถึงราฮีมเตะบอลถึงก่อนฮาวเวิร์ดก่อนล้มลงเป็นจุดโทษทันทีสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดปล่อยให้สเตอร์ริดจ์ยิงหวังทำแฮตทริกแต่หัวหอกทีมชาติอังกฤษกลับยิงเอามันส่องข้ามคานไปเฉย
คูตี้ยัดเสาแรกหลุดนิเดียว
ลิเวอร์พูลเล่นเตะมุมสั้นทางด้านซ้ายเป็นคูตินโญ่ที่ได้บอลในกรอบเขตโทษก่อนพยายามยิงยัดไปที่เสาแรกบอลดูเหมือนจะโดนปลายมือของฮาวเวิร์ดก่อนจะได้เตะมุมอีกครั้งซึ่งซัวเรซเปิดออกไปอีกฝั่งนึงเลย
บาร์คลี่ย์อัดมุมแคบติดมิโญเล่ต์
นาทีที่ 67 บาร์คลี่ย์โชว์ทักษะพยยามลากหนีนักเตะของลิเวอร์พูล 2 รายก่อนตัดสินใจยิงจากริมกรอบเขตโทษด้านขวายัดเสาแรกทันทีแต่มิโญเลต์ไม่หลับปัดบอลทิ้งออกหลังก่อนที่ลูกเตะมุมก็ทำอะไรเจ้าถิ่นไม่ได้เหมือนเดิมหลังจากนั้นอีก 2 นาทีมิโญเล่ต์ต้องออกแรงเซฟลูกยิงของมิรัลลาสอีกครั้งหนึ่ง
น่าตบ!กัด, คูตี้ว่างหริดไม่จ่ายจะยิงเอง
ลูกนี้น่าด่าจริงๆโดยเป็นคูตินโญ่ที่ลากบอลขึ้นมาจากแดนของตัวเองในจังหวะสวนกลับเร็วก่อนจ่ายไปให้สเตอร์ริดจ์ที่อยู่ด้านซ้ายไม่ยอมตบกลับมาให้”หม่อมกัด”ที่ยืนโล่งๆมัวแต่ม้วนไปมาก่อนยิงออกไปเฉยทำให้ทั้งคูตินโญ่และซัวเรซโวยวายกันยกใหญ่เพราะทั้งคู่ว่างโล่งโจ้งไม่ยอมส่งมาให้ก่อนที่ร็อดเจอร์สจะถอดเขาออกแล้วส่งวิคเตอร์ โมเซสลงไปแทนเลย
ท๊อฟฟี่มาอีกเนสมิธเข้าไม่ถึง
เอฟเวอร์ตันพลาดการได้ประตูตีไข่แตกไปอย่างน่าเสียดายเป็นจังหวะที่ลิเวอร์พูลเคลียร์บอลกันไม่ได้แม็คคาร์ธี่ได้บอลลากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนกึ่งยิงกึ่งผ่านไปทางเสาสองเนสมิธที่อยู่หน้าปากประตูเข้าไม่ถึงทำให้บอลเลยออกไปไกล
โมเซสซัดมุมแคบไม่ตรงกรอบ
ช่วง 10 นาทีสุดท้าย”หงส์แดง”รอสวนกลับอย่างเดยวแล้วและเป็นโมเซสที่ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายไม่ยอมเปิดมาทางเสาไกลให้ราฮีมโดยเขายิงยัดไปทางเสาแรกทันทีแต่ก็ไม่มีอะไรบอลหลุดกรอบไม่ต้องลุ้น
หงส์จบสวยตามปืน 6 แต้ม
สุดท้ายลิเวอร์พูลรักษาคลีนชีตเอาไว้ได้พร้อมกับเก็บอีก 3 คะแนนมี 46 แต้มทิ้งเอฟเวอร์ตันเป็น 4 แต้มและไล่เชลซีอันดับ 3 ที่ลงเตะพรุ่งนี้เหลือ 3 คะแนนและอาร์เซน่อลที่ทำได้เพียงเสมอ 6 แต้มเท่านั้น
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม :
ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเล่ต์ 6, โคโล่ ตูเร่ 6, อาลี ซิสโซโก้ 6, มาร์ติน สเคอร์เทล 7, จอน ฟลานาแกน 8(มาร์ติน เคลลี่ 5 น. 73), สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 8, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ 8(หลุยส์ อัลเบร์โต้ 5 น. 80), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 8, หลุยส์ ซัวเรซ
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : แบรด โจนส์, แบรด สมิธ, ยาโก้ อาสปาส, จอร์แดน ไอบ์
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด 5, เลห์ตัน เบนส์ 5, ฟิล จาเกียลก้า 4, จอห์น สโตนส์ 5, อันโตลิน อัลคาราซ 4, เควิน มิรัลลาส 6, เจมส์ แม็คคาร์ธี่ 5, แกเร็ธ แบร์รี่ 5
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : โจเอล โรเบิ้ลส์, โทนี่ ฮิบเบิร์ต, ลุค การ์บัตต์, มากาย กีย์
กดติดตามเพจเราได้ที่นี่เลย